
29
Oct
สวิตเซอร์แลนด์
Switzerland ดินแดนที่สวยงามดั่งเทพนิยาย
Switzerland ฟ้าสวย น้ำใส เทือกเขาสูงใหญ่ อากาศสดชื่น มนต์เสน่ห์แห่งยุโรป
Switzerland – กิมเมิลวัลด์ (Gimmelwald)
หมู่บ้านอัลไพน์เล็กๆที่สมบูรณ์ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ Switzerland ที่งดงามราวภาพวาดในพื้นที่แบร์เนอร์โอเบอร์ลันท์ (Bernese Oberland) ระหว่างหมู่บ้านชเตเคิลแบร์ก (Stechelberg) และหมู่บ้านมือร์เริน (Mürren) ที่ระดับความสูง 1,367 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นหนึ่งในหมู่บ้านปลอดรถยนต์แห่งสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในด้านปลายสุดของหุบเขาเลาเทนบรุนเน่น (Lauterbrunnen)
หมู่บ้านกิมเมิลวัลด์
เข้าถึงได้โดยเคเบิลคาร์จากสถานีชเตเคิลแบร์ก โดยจะบริการทุกวันตั้งแต่ 06:00 น. ถึง 23.45 น. และใช้เวลาเพียง 5 นาทีไปยังกิมเมลวัลด์ หรือโดยการเดินป่าลัดเลาะไปตามเนินเขาผ่านทุ่งหิมะ หรือผืนหญ้าเขียวขจีในฤดูร้อน บ้านไม้ซุงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ ร้านขายชีส และเสียงกระดึงจากฝูงวัวที่แทะเล็มหญ้าจะเป็นสิ่งเดียวที่ดังแทรกมาในบรรยากาศที่สงบสุขนี้

Switzerland – มือร์เรน (Murren)
ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าอัลไพน์ของเทือกเขาแอลป์บนความสูง 1,650 เมตรเหนือหุบเขาที่มองเห็นผาหินสูงชันของหุบเขาเลาเทนบรุนเน่น (Lauterbrunnen) และเป็นสกีรีสอร์ทที่มีระดับความสูงสูงสุดในแบร์เนอร์โอเบอร์ลันท์ โดยหันหน้าเข้าหายอดเขาขนาดใหญ่ของ Eiger, Monch, Jungfrau, Breithorn และ Gspaltenhorn
มือร์เรน
เป็นหมู่บ้านที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเพลิดเพลินกับความงามตามธรรมชาติของซึ่งแสดงถึงความงดงามของสวิตเซอร์แลนด์ในทุกมุม ทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และป่าไม้ บ้านชาเลต์ไม้ซุงที่สวยงามประดับประดาด้วยดอกไม้ ร้านค้าและคาเฟ่เล็กๆ เรียงรายอยู่ตามถนนเล็กๆ นับเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบนระเบียงภูเขา นับสวรรค์ของนักปีนเขา และเหมาะสำหรับการเล่นกีฬาฤดูหนาว หรือนั่งนกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบน ‘ยอดเขาชิลธอร์น’ บนความสูง 2,970 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เพื่อเพลิดเพลินกับความสงบที่ผสมผสานกับทิวทัศน์มุมกว้างอันสวยงามน่าประทับใจ

Switzerland – เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen)
หมู่บ้านในหุบเขาเลาเทอร์บรุนเนน ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบผาหินขนาดยักษ์บนเทือกเขาแอลป์ที่น่าประทับใจ หุบเขาเลาเตอร์บรุนเนนเป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ มีน้ำตกเล็กใหญ่ถึง 72 แห่ง แต่ที่บางพลาดไม่ได้คือ ‘น้ำตกชเตาบัค’ (Staubbach) ซึ่งสูงเกือบ 300 เมตรจากหน้าผาหินที่ยื่นออกมา สายน้ำไหลลงมาอย่างอิสระถือเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ในปี ค.ศ. 1779 โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ได้ไปเยือนหุบเขาแห่งนี้ และได้รับแรงบันดาลใจจากเสียงคำรามของสายน้ำ และได้เขียนบทกวีที่โด่งดังของเขาชื่อว่า “เพลงวิญญาณเหนือผืนน้ำ” (Spirit song over the waters)
ประตูสู่จุงเฟรา
เลาเทอร์บรุนเนินยังเป็นประตูสู่ ‘ยอดเขาจุงเฟรา’ ทางรถไฟที่ติดผ่านภูเขา ทุ่งหญ้า ลอดผ่านไปในอุโมงค์ใต้ภูเขาที่ยาว 7 กม. ไปยัง ‘Top of Europe’ บนความสูง 3,454 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในแบร์เนอร์โอเบอร์ลันท์ ตั้งแต่ปี 1912
ฝั่งตรงข้ามของหุบเขาคือหมู่บ้าน มือร์เรน (Mürren) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากเลาเทอร์บรุนเนิน และ หมู่บ้านชเตเคิลแบร์ก มีกระเช้าลอยฟ้าจากชเตเคิลแบร์ก ไปถึงยอดเขายอดเขาชิลธอร์น ซึ่งมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์คลาสสิก 007 ตอน ‘On Her Majesty’s Secret Service’

Switzerland – อันเดอร์แมตท์ (Andermatt)
ถึงแม้ว่าสวิสฯ จะวางตัวเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในช่วงปีแรกๆ ของสงคราม กองทัพได้ตัดสินใจ ใช้อันเดอร์แมทเป็นสถานที่สำหรับฐานทัพยุทธศาสตร์ เมื่อมีการเจาะเข้าไปในภูเขาโดยรอบและได้สร้างบังเกอร์ทหารจำนวนมากขึ้นเพื่อใช้สำหรับการซ่อนและการป้องกันในกรณีที่มีการบุกรุกจากต่างประเทศในช่วงสงคราม
หมู่บ้านชนบทแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่บนความสูง 1,444 เมตร ใจกลางหุบเขาเออเซิร์น (Ursern Valley) ในเขตอูริ (Uri) เป็นสถานที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ ศูนย์กลางหมู่บ้านให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ทำให้เงียบสงบอย่างสมบูรณ์แบบมาหลายสิบปีแล้ว
กิจกรรมสันทนา
แต่ยังกิจกรรมสันทนาการมากมายตลอดทั้งปี เล่นกอล์ฟ ปั่นจักรยาน เดินป่าในฤดูร้อน ในขณะที่ในฤดูหนาว ก็มีหิมะปกคลุมเหมาะสำหรับการเล่นสกีที่ ‘SkiArena Andermatt-Sedrun’ ซึ่งเป็นสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดทางตอนกลางของสวิตเซอร์แลนด์ หรือจะเดินป่าบนหิมะ และท่องเที่ยวบนเทือกเขาแอลป์ที่ไม่ธรรมดา และยังสามารถนั่งรถไฟชมวิวสาย Glacier Express ไปที่หมู่บ้านเซอร์แมทซ์ได้อีกด้วย

Switzerland – “กรีเมนทซ์” (Grimentz)
‘หมู่บ้านเทพนิยายบนเทือกเขาแอลป์’ หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์
การเดินเล่นในหมู่บ้าน Grimentz ในหุบเขา Val d’Anniviers อันงดงามของแคว้นวาเลส์ (Valais) ที่ระดับความสูง 1,564 เมตร ไปตามถนนคนเดินสายหลักแคบๆ ที่เรียงรายไปด้วยบ้านไม้ที่ทาด้วยแสงแดดจ้า ประดับด้วยเจอเรเนียมสีแดง และสำหรับผู้ที่โหยหาบรรยากาศในสมัยก่อนซึ่งหลงใหลในชาเล่ต์เก่าแก่อายุหลายศตวรรษ รวมถึงการทำฟาร์มและเกษตรกรรมบนภูเขาที่มีลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมในหุบเขามาหลายปี และอย่าลืมชิมไวน์ขาวของเกษตรกรผู้เร่ร่อนในสมัยก่อนที่มาจากธารน้ำแข็งถูกบ่มในถังไม้สนเก่า “Tonneau de l’Evêque” ในห้องใต้ดินของ ‘Burgher House’
Val d’Anniviers
ภูมิทัศน์ของ Val d’Anniviers ของอัลไพน์เป็นหนึ่งในหุบเขาขนาดใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งที่สวยงามที่สุดในวาเลส์และคุ้มค่าแก่การมาเยือน

Switzerland – “กรูแยร์” (Gruyères)
แหล่งกำเนิดชีส Gruyère AOP ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เมืองนี้ตั้งชื่อตามภูมิภาคกรูแยร์และยอดเขา “Fribourg Pre-Alps” ที่งดงามราวภาพวาด
ตามตำนานเล่าว่ากรูแยร์ก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล โดย Vandal King Gruerius เขาเห็นนกกระเรียน (“grue” ในภาษาฝรั่งเศส) บินข้ามท้องฟ้ายามเย็น และตัดสินใจสร้างเมืองที่หุบเขาซาเน็นตอนบน (Saanen Valley) และเมืองก็พัฒนาขึ้นในภายหลัง เมืองประวัติศาสตร์ของกรูแยร์ไม่ได้รับผลกระทบจากกาลเวลา และนี่คือเหตุผลที่ตราประจำเมือง เป็นรูปนกกระเรียนบนพื้นหลังสีแดง สัญลักษณ์ของสัตว์ประจำตระกูลของอดีตเคานต์แห่งกรูแยร์มีให้เห็นเด่นชัดทั่วทั้งภูมิภาคจนถึงปัจจุบัน
เส้นทางทางสู่ Château de Gruyères
ถนนสายหลักที่ตัดผ่านใจกลางเมืองมีความยาวถึง 300 เมตรที่ปูด้วยก้อนหินจะนำไปสู่ Château de Gruyères ปราสาทโบราณสมัยศตวรรษที่ 13 ล้อมรอบไปด้วยกำแพงและมีป้อมปราการที่เดินทางผ่านกาลเวลาอันยาวนานน่าหลงใหล ห้องโถงของอัศวิน หอคอย เชิงเทิน และสวนเป็นประสบการณ์สร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน
ร้านอาหารหลายแห่งในหมู่บ้านที่มักจะเสิร์ฟอาหารจานพิเศษ ได้แก่ ฟองดู, แร็กเล็ตต์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของหวานที่ทำจากดับเบิ้ลครีมกรูแยร์ที่แสนอร่อย

Switzerland – หมู่บ้านนอกสายตา ‘ลูทรี’ (Lutry)
อาจไม่ได้รับความนิยมเท่าเมืองอื่นๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถึงขนาดเล็กแต่สวยงามและควรค่าแก่การเยี่ยมชม
หมู่บ้านยุคกลางเล็กๆ ในเขตลาโวซ์-โอรอง ริมทะเลสาบเจนีวาคือที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเมืองโลซานและเมืองลาโวซ์ บ้านเรือนที่สวยงามแห่งนี้มีการออกแบบร่วมสมัย เส้นสายที่สะอาดตา และทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบเจนีวาและเทือกเขาแอลป์ ตั้งกระจายอยู่รอบๆ โบสถ์สไตล์โรมาเนสก์เก่าแก่สมัยศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่สำคัญของภูมิภาคนี้ และปราสาทขุนนางสมัยศตวรรษที่ 16 ร่องรอยของเตาอบ บ่อน้ำ โรงฟอกหนัง และป้อมปราการในยุคกลาง ซากป้อมปราการในยุคกลางที่เคยทำหน้าหน้าปกป้องเมืองจากผู้รุกราน และกำแพงยุคกลางได้ถูกสร้างขึ้นบริเวณชานเมืองที่ Friporte และ Voisinand
ท่าเรือทั้งสองของหมู่บ้านแห่งเรียงรายไปด้วยอาคารเก่าแก่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และโรงแรม ซึ่งช่วยให้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของทะเลสาบเจนีวา
ลูทรียังเป็นดินแดนที่ทำไวน์ซึ่งเป็นประตูสู่ลาโวซ์ โรงกลั่นเหล้าองุ่น ‘Domaine du Daley’ มีอายุย้อนไปถึงปี 1392 ไร่องุ่นแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านที่ทำให้การชิมไวน์อันน่ารื่นรมย์ข้ามไปสู่อีกระดับหนึ่ง

Switzerland – “ไร่องุ่นขั้นบันได” ของเมืองลาโวซ์ (Lavaux)
ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 2007
ไร่องุ่นลาโวซ์ ครอบคลุมพื้นที่ 760 เฮกตาร์ (1800 เอเคอร์) ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบเจนีวา หรือที่รู้จักกันทะเลสาบ ‘ลัค เลม็อง’ ประมาณ 30 กม. จากทางตะวันออกของโลซานน์ไปยังมงโทรซ์และไกลออกไปทางตะวันออกของโลซานน์ในภูมิภาคโวด์ บริเวณด้านตะวันออกของลาโวซ์ ติดกับชุมชน Villeneuve และชื่อ Chablais ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหุบเขา Rhône ภูมิภาคไวน์ Valais
หมู่บ้านลาโวซ์คือแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม แสงแดดดี อากาศอบอุ่นแจ่มใสเกือบตลอดปี โดยแถบลาโวกซ์นี้ได้ฉายาว่าเป็น “ดินแดนแห่งแสงแดด” Land of Tree Suns ได้แก่ แสงแดดจากดวงอาทิตย์ แสงแดดที่ได้จากการสะท้อนของทะเลสาบเจนีวา และแสงแดดที่สะสมจากกำแพงหินโรมันยุคโบราณที่ได้ในตอนกลางคืน นักชิมที่มาเยือนจะได้ลิ้มลอง Chasselas, Pinot Noir และไวน์จากองุ่นพันธุ์อื่นๆ ที่ได้รับการรับรองโดย AOC (Appellations d’Origine Contrôlées)

Switzerland – ‘ซียง’ (Sion)
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโรนที่ปากแม่น้ำลาซิออน ในภูมิภาควาเลส์ (Valais) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวา มีต้นกำเนิดมาจากการตั้งถิ่นฐานของชาวเซลติกและโรมันที่เรียกว่า ‘Sedunum Sion’ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 7,000 ปี เป็นภูมิภาคที่ผลิตไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของสวิตเซอร์แลนด์
อดีตและอนาคตผสมผสานกันในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์
ได้รับการตั้งรกรากโดยชาวเวเลส์ซึ่งเป็นชนเผ่าเซลติก ในยุคของจูเลียส ซีซาร์ ชาวโรมันมาถึงและตั้งชื่อพื้นที่นี้ว่า ‘เซดูนุม’ Sedunum
เพราะตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ดังนั้นจึงถูกสร้างขึ้นด้วยปราการหินสูงและปราสาทบนเนินเขา ใช้ควบคุมเส้นทางของพ่อค้าจากอิตาลีและฝรั่งเศส
‘มหาวิหารวาแลร์’ (Basilique de Valère) หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘ปราสาทวาแลร์’ (Château de Valère) สไตล์โรมาเนสก์และห้องใต้ดินแบบโกธิก ตั้งอยู่บนเนินเขาที่หันหน้าเข้าหาปราสาท ‘วิหารนอร์ทเทอดาม’ (Notre-Dame-du-Glarier) ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 และ ‘หอคอยแม่มด’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการเมืองเก่า บันทึกที่เก่าแก่ที่สุดของมหาวิหารนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9 ออร์แกนที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ทำให้เป็นหนึ่งออแกนที่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่นังใช้งานได้ในปัจจุบัน
‘ปราสาทตูร์บิลญง’ (Château de Tourbillon) สร้างขึ้นระหว่างปี 1290-1308 โดยบิชอปแห่งไซออน ผ่านการก่อกบฏ การปฏิวัติ และไฟไหม้หลายครั้ง แต่ยังคงสถานะเป็นที่ตั้งทางทหารที่สำคัญเป็นเวลาหลายศตวรรษ หอคอยสูงของปราสาททำหน้าที่ปกป้องเมืองมาตั้งแต่อดีตก่อนที่จะถือเป็นมรดกแห่งชาติของสวิส
อย่าพลาดการเยี่ยมโรงบ่มไวน์ Les Fils de Charles Favre และลิ้มลองไวน์สวิสที่ดีที่สุด นักเลงไวน์ขาวต้องลองไวน์วินเทจปี 2018 Johannisberg Hurlevent และ Dame de Sion Fendant du Valais ที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขัน Swiss Wine Grand Prix ปี 2019

Switzerland – เว็งเก้น (Wengen)
หมู่บ้านตากอากาศปลอดรถยนต์ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาเบอร์เนส แอลป์ (Bernese Alps) ในหุบเขาเลาเทนบรุรเน่น
เว็งเก้นเมืองเล็กๆ ของเทือกเขาแอลป์ ที่มีกระท่อมไม้ โบสถ์สีขาวเรียบๆ และบ้านเรือนสมัยสมัยเบลล์เอปอก (Belle Époque) ที่รายล้อมไปด้วยต้นสน และภูเขาซึ่งตั้งตระหง่านเหมือนกำแพงที่ปกป้องชนบทโดยรอบ ภูเขาน้ำแข็งในส่วนนี้ของเทือกเขาสูงที่สุดในเทือกเขาเบอร์เนสแอลป์ และจะมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี จึงสามารถเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์ที่ตัดกันแม้ในฤดูร้อน
นอกจากทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาอัลไพน์แล้ว คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของเวนเก้นก็คือพื้นที่นี้ปลอดรถยนต์ทั้งหมด การเล่นสกีเป็นกิจกรรมดั้งเดิมสำหรับนักผจญภัยบนภูเขา แต่มีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะไปเที่ยวในฤดูหนาวหรือฤดูร้อน สกี รองเท้าลุยหิมะ และเลื่อนหิมะ หรือนั่งรถไฟจากสถานี Wegenalp ซึ่งคดเคี้ยวไปตามเส้นทางเรียบๆ แต่ให้ทัศนียภาพกว้างไกลของภูเขาโดยรอบของหุบเขาทั้งหมด
The Männlichen เป็นภูเขาสูง 2,343 เมตร ที่สามารถเข้าถึงได้โดยเคเบิลคาร์ จากหมู่บ้านเว็งเก้นให้ทัศนียภาพที่งดงามของยอดเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau ที่ตั้งตระหง่านดั่งปราการของเทือกเขาแอลป์

Switzerland – กืซตาด์ก (Gstaad)
ในฐานะที่เป็นผู้อยู่อาศัย ‘Julie Andrews’ ดารานักแสดงชาวอังกฤษได้ให้คำนิยามของเมืองกืซตาด์กว่าเป็น “สวรรค์สุดท้ายในโลกที่บ้าคลั่ง”
หมู่บ้านและรีสอร์ตบนเทือกเขาแอลป์ตั้งอยู่ในรัฐเบิร์น ในหุบเขาแม่น้ำซานน์ (Saane) เป็นที่รู้จักกันในนามสกีรีสอร์ตที่สำคัญ รอบๆ เมืองรอบรอบไปด้วย ป่าไม้ เนินเขา ธารน้ำแข็ง และทะเลสาบ โบสถ์เซนต์นิโคลัสในเมืองสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1402 มีถนนและทางรถไฟเชื่อมหมู่บ้านกับโลซานและทูน และจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่สังคมชั้นสูง
ฤดูหนาวในปี 1960 (พ.ศ.2503) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสอนพระโอรสธิดาในทรงสเก็ตน้ำแข็งและสกีที่กืซตาด์ก และทรงประทับที่โรงแรมปาลาซ (Gstaad Palace) ที่ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณเนินเขาของเมือง

Switzerland – อัพเพนเซล (Appenzell)
หมู่บ้านที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจแห่งนี้สะท้อนถึงสิ่งที่อาจมองว่าเป็นแก่นแท้ของสวิตเซอร์แลนด์แบบดั้งเดิม เช่น ชีส วัว กระดึง บ้านสีสันสดใส และเครื่องแต่งกายสวยงามที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประเพณีเก่าแก่ของคนในท้องถิ่นมาหลายศตวรรษ รวมถึงประเพณีการเลี้ยงโคนมแบบเทือกเขาแอลป์ยังคงมีให้เห็นอยู่ที่นี่
มณฑลอัพเพนเซลล์ก็ถูกแบ่งแยกด้วยเหตุผลทางศาสนา ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1597 ผลลัพธ์ของการแบ่งเขตที่โชคร้ายนี้คือสองรัฐที่แยกจากกันซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ – อัพเพนเซลล์ อินเนอร์โรเดน (Appenzell Innerrhoden) มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก และอัพเพนเซลล์ เอาเซอร์โรเดน (Appenzell Ausserrhoden) มีประชากรส่วนใหญ่เป็นโปรเตสแตนต์
หมู่บ้านอัพเพนเซล ตั้งอยู่ในรัฐแอพเพนเซลล์ อินเนอร์โรเดน ซึ่งเป็นรัฐที่เล็กที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ หมู่บ้านปลอดรถยนต์มีตรอกที่สวยงาม ร้านค้าขนาดเล็ก และร้านบูติกมากมายที่เหมาะสำหรับการช็อปปิ้งและการเดินเล่นเพลินๆ
อาคารหลายหลังประดับประดาอย่างวิจิตรด้วยจิตรกรรมฝาผนังและมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 Hauptgrasse อันเป็นเอกลักษณ์คือถนนสายหลักที่มีบ้านเรือนสีสันสดใสแปลกตา ในขณะที่ Landsgemeindeplatz ซึ่งเป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ล้อมรอบด้วยถนนแคบ ๆด้านหน้าของอาคารบางหลังตกแต่งด้วยภาพเฟรสโก พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในศาลากลาง แสดงให้เห็นภาพประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอัพเพนเซล

Switzerland – ยอดเขาอีเบนแอลป์ (Ebenalp)
เป็นที่ตั้งของร้านอาหาร Äscher ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าอายุ 170 ปีบนขอบหน้าผาในเมืองอัพเพนเซล ได้มีโอกาศขึ้นปกนิตยสาร National Geographic มาแล้ว และนี่คือร้านอาหาร Äscher “หนึ่งในร้านอาหารที่น่าสนใจที่สุดในโลก”
ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขา Alpstein Massif เส้นทางสู่ Äscher มีมาตั้งแต่ปี 1846 ทำให้เป็นหนึ่งในโรงแรมบนภูเขาที่เก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ในพื้นที่ที่มีความงามตามธรรมชาติที่โดดเด่นในแอพเพนเซล และยังใกล้กับถ้ำหลายแห่งที่มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์อีกด้วย บริเวณโดยรอบเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่นักปีนเขาและผู้รักธรรมชาติ
เคเบิลคาร์จากสถานี Wasserauen ขึ้นหุบเขาของอีเบนแอลป์ ผ่านทุ่งหญ้าโล่งไปจนถึงจุดสูงสุดที่ราบสูงที่อีเบนแอลป์ (ที่ระดับความสูง 1,644 เมตร) ให้ทัศนียภาพแบบภาพพาโนรามาที่ทอดยาวเหนือทะเลสาบคอนสแตนซ์ไปจนถึงป่าดำของเยอรมนี

Switzerland -โลคาร์โน (Locarno)
“อัญมณีที่ซ่อนเร้นอยู่ในเขตทีชีโน” ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบมัจจอเร เชิงเขาแอลป์
โลคาร์โน และมีชื่อเสียงในด้านสภาพอากาศที่มีแสงแดดจ้า สถาปัตยกรรม อาหาร และวัฒนธรรมที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้เป็นที่รู้จักจากกลิ่นอายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งช่วยเสริมภูมิทัศน์ที่สวยงามของภูมิภาคสวิสได้อย่างสวยงาม
ใจกลางเมืองคือจตุรัสปิอัซซ่า แกรนเด (Piazza Grande) ถือเป็นหัวใจสำคัญของเมืองเก่า ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องงานเทศกาลภาพยนตร์โลการ์โนที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงฤดูร้อนของเดือนสิงหาคม จัตุรัสหลักอันสวยงามนี้ตั้งอยู่บนถนนที่ปูด้วยหินกรวดที่สวยงาม มีอายุย้อนไปถึงปี 1825 สถาปัตยกรรมสไตล์ลอมบาร์ด พร้อมด้วยอาคารที่มีสีสัน นอกจากร้านอาหารแล้ว ยังมีร้านค้า บาร์ เมื่อเดินต่อไปจะเห็น Torre del Comune (Municipal Tower) นาฬิกายุคกลางและหอระฆังที่สร้างโดยตระกูลวิสคอนติ (Visconti)
ถนนแคบๆ ของเมืองเก่านำไปสู่จัตุรัส ปราสาทวิสคอนติโอ (Castello Visconteo) มีอายุย้อนไปถึงปลายศตวรรษที่ 12 เป็นหนึ่งในห้าปราสาทที่ได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิม ส่วนหนึ่งของปราสาทหลังนี้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า ‘เลโอนาร์โด ริเวลลิโน’ (Leonardo’s Rivellino) เป็นป้อมปราการยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ออกแบบและสร้างโดยเลโอนาร์โด ดา วินชีในช่วงศตวรรษที่ 16
จากใจกลางเมืองสามารถเดินขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อไปเยี่ยมชม โบสถ์พระแม่มาเรีย (Sanctuary of Madonna del Sasso) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการจาริกแสวงบุญที่นักบวชฟรานซิสกัน Frá Bartolomeo สร้างขึ้นในปี 1487 ที่ตั้งอยู่เหนือเมือง เป็นจุดชมวิวที่โดดเด่นที่สุดในโลคาร์โน สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่คุ้มค่าที่สุดของเมืองโลการ์โน, ลาโก มัจจอเร และแมกเกียเดลต้า

Switzerland – ล็อยเคอร์บาด (Leukerbad)
จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้รักสุขภาพและการเล่นกีฬา
ล็อยเคอร์บาดตั้งอยู่ในภูมิภาคที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นสปาและรีสอร์ทเพื่อสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ รีสอร์ทบนภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา Dala Valley ในรัฐวาเล และมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 2
หลังจากทำกิจกรรมกีฬาแล้ว นักเล่นสกีในฤดูหนาวและนักปีนเขาในฤดูร้อนต่างก็ไม่พลาดโอกาสที่จะได้ฟื้นฟูร่างกายในน้ำอุ่นและผ่อนคลาย
การผ่อนคลายหรือรับการบำบัดด้วยน้ำแร่ร้อนธรรมชาติที่ระดับความสูง 1,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีน้ำพุ 65 แห่งที่ให้น้ำที่อุดมด้วยแร่ธาตุ จะช่วยให้การผ่อนคลายจิตใจและกล้ามเนื้อของพร้อมๆ กับทิวทัศน์อันสวยงามของเทือกเขาแอลป์ที่รายล้อมรอบๆ ตัว

