เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

วันเสาร์

09.00-13.00 น.

เราช่วยคุณได้

@oneworldtour

Travel License : 11/05298

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

Lofoten หมู่บ้านชาวประมง เสน่ห์แห่ง Norway

Lofoten หมู่บ้านชาวประมง เสน่ห์แห่ง Norway

28

Oct

นอร์เวย์

Lofoten หมู่บ้านชาวประมง เสน่ห์แห่ง Norway

บริคสดาลส์บรีน
ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างน้ำตก  และยอดเขาสูง ธารน้ำแข็งบริคสดาลส์บรีนแยกออกมาจากธารน้ำแข็ง ‘Jostedalsbreen’ ซึ่งเป็ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทีมีพื้นที่ขนาด 486 ตารางกิโลเมตร  
ธารน้ำแข็งตั้งอยู่ที่ปลายหุบเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงและน้ำตกไคลวาฟอสเซ่น (Kleivafossen) ที่เชิงธารน้ำแข็งมีทะเลสาบสีฟ้าครามขนาดเล็กซึ่งไหลผ่านแม่น้ำไหลไปตามเส้นทางสู่ธารน้ำแข็งและตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ Jostedalsbreen จากความสูง 1,200 เมตร ธารน้ำแข็งจะดิ่งลงสู่สู่ทะเลสาบในหุบเขา ‘Briksdalen Valley’ ที่แคบและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกทุกปี 
เส้นทางสู่ธารน้ำแข็งบริคสดาลส์บรีนล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ มีภูเขาสูงชัน แม่น้ำป่า และน้ำตกอยู่ทุกหนทุกแห่ง และการปีนเขาจากหุบเขาเขาบริคสดาลส์ ไปยังธารน้ำแข็งเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ หรือจะเปลี่ยนเป็นนั่งรถ “Troll Cars” ขึ้นไปบนธารน้ำแข็งก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด 
ไฮไลท์สำคัญระหว่างทางไปธารน้ำแข็งคือการข้ามสะพานหน้าน้ำตกไคลวาฟอสเซ่น เมื่อน้ำตกพองตัวจากธารน้ำแข็งที่ละลายไปตามกระแสน้ำ จะมอบประสบการณ์อันทรงพลังขณะและสัมผัสได้ถึงละอองน้ำแข็งกระทบ มีใบหน้าจนทำให้แทบลืมหายใจ 

หมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ส่วนในสุดของ Aurlandsfjord ซึ่งเป็นสาขาของซอคเนฟยอร์ด “Sognefjord” ที่ยาวที่สุดและลึกที่สุดในโลกที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชัน สายน้ำตกที่สงเสียงคำราม และหุบเขาลึก   
โฟลมเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟ Flåm Railway ที่มีอายุเกือบ 65 ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในทางรถไฟที่ลาดชันและมีทัศนียภาพสวยงามที่สุดในโลก ยังมี Nærøyfjord อันงดงาม ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 2005   
ประสบการณ์การล่องเรือใน ‘Nærøyfjord’ หนึ่งในฟยอร์ดที่แคบที่สุดในโลก ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนใคร โดยมีภูเขาสูงชันที่มีหิมะปกคลุม น้ำตกที่สวยงาม และฟาร์มที่ติดกับไหล่เขา ไม่เพียงแค่ฟยอร์ดที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ยังไม่ถูกทำลายซึ่งรายล้อมอยู่โดยรอบ ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ 
Nærøyfjord มีความยาว 17 กม. และจุดที่แคบที่สุดกว้างเพียง 250 ม.  Nærøyfjord เป็นหนึ่งในทริปฟยอร์ดที่น่าทึ่งที่สุดในยุโรป โดยเรือจะล่องระหว่าง Gudvangen-Aurland-Flåm ให้บริการตลอดทั้งปี

เมืองเก่าเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงของยุโรปเหนือ 
เฟรดริกสตัด ก่อตั้งขึ้นในปี 1567 โดยพระเจ้าเฟรเดอริคที่ 2 และตั้งอยู่ระหว่างออสโลและโกเธนเบิร์ก ใกล้กับชายแดนสวีเดน บนชายฝั่งตะวันออกของออสโลฟยอร์ดที่ปากแม่น้ำกลอมมา (Glåma) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของนอร์เวย์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถานการณ์ทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาผ่านอุตสาหกรรมไม้และอู่ต่อเรือ ในฐานะเมืองป้อมปราการและยังคงมีป้อมปราการเดิมอยู่ ไม้แปรรูป เคมีภัณฑ์ หินแกรนิต การขนส่ง และการประมงเป็นอุตสาหกรรมหลักของเมือง 
ย่านเมืองเก่าตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ เป็นเมืองที่มีป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเหนือ ล้อมรอบด้วยกำแพงดินและคูน้ำรูปดาว เมืองนี้เป็นเมืองท่าไม้และศูนย์กลางการต่อเรือที่สำคัญมาช้านาน ถนนที่ปูด้วยหินและอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้มาเยือน  วิหารฟื้นฟูยุคกอธิคอิฐของเมืองซึ่งประดับด้วยยอดแหลมทองแดง มีหน้าต่างกระจกสีซึ่งออกแบบโดย Emanuel Vigeland น้องชายของประติมากรซึ่งมีผลงานอันโดดเด่นที่สวนสาธารณะในกรุงออสโล 
ในปี 2017 เฟรดริกสตัดได้รับรางวัลเมืองที่น่าดึงดูดที่สุดจากรัฐบาลนอร์เวย์โดยพิจารณาจากปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันได้รับการพิจารณาว่าเป็นเมืองที่มีป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในภูมิภาคนอร์ดิก 

ก่อตัวขึ้นจากธารน้ำแข็งอันทรงพลังในยุคน้ำแข็ง เป็นฟยอร์ดทางใต้สุดของฟยอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์  
‘ไลส์ฟยอร์ด’ แปลว่า “ฟยอร์ดแห่งแสง” มีความยาว 42 กม. ถูกขนาบข้างด้วยภูเขาสูงชัน โดยมีกำแพงหินตกลงไปในน้ำเกือบในแนวตั้งเกือบ 1,000 เมตร (3,000 ฟุต) 
นอกจากทัศนียภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ของฟยอร์ดแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ สองสามแห่ง ได้แก่  
Flørli เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีถนนที่อยู่ลึกเข้าไปในฟยอร์ดไลเซฟยอร์ดที่งดงาม สร้างขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน การผจญภัยเดินขึ้นบันได 4,444 ขั้นซึ่งเป็นบันไดไม้ที่ยาวที่สุดในโลก ไปตามแนวประตูน้ำที่ของสถานีไฟฟ้าพลังน้ำที่ท่าเรือ บันไดสิ้นสุดที่เขื่อน Ternevass เหนือแนวต้นไม้ ที่จะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของไลส์ฟยอร์ด  
Preikestolen หรือ Pulpit Rock หน้าผาที่น่าประทับใจสูงตระหง่าน 604 เมตร (1,981 ฟุต) เหนือไลเซฟยอร์ด การเดินป่าระยะทางแปดกิโลเมตรใช้เวลาไป-กลับประมาณสี่ชั่วโมง 
เนื่องจากภูมิประเทศที่ภูเขาสูง จึงมีประชากรเพียงสองหมู่บ้านเท่านั้นคือ Forsand และ Lysebotn และผู้คนไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เดินทางโดยเรือข้ามฟากเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากทางลาดสูงเกินไปสำหรับถนน ข้อยกเว้นคือ Lysebotn ซึ่งมีถนนบนภูเขาที่สูงเกือบ 900 ม. (2700 ฟุต)

เมืองท่าในแคว้นนอร์ดแลนด์ทางเหนือของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ทางเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล ก่อตั้งขึ้นในปี 1903 เมื่อสร้างเสร็จเมื่อสร้างทางรถไฟสาย Ofoten (เพื่อไม่ให้สับสนกับ “Lofoten”) มีท่าเรือขนส่งแร่เหล็กที่ทันสมัยที่สุดในยุโรป  
ภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บน Ofotfjord หรือที่รู้จักกันในนาม Narvik Fjord บนขอบของฟยอร์ดลึกที่ช่วยให้เข้าถึงเรือทุกขนาดได้ง่ายและปราศจากน้ำแข็งตลอดทั้งปี เนื่องจากกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและภูเขาสูงที่กำบังเมือง ทำให้ท่าเรือปลอดน้ำแข็งตลอดทั้งปีและเป็นจุดขนส่งแร่เหล็กที่สำคัญจากสวีเดน  
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ได้มีการตัดสินใจสร้างทางรถไฟจากเมืองคิรูนา ในสวีเดนไปยังนาร์วิก เส้นทางนี้เรียกว่า “มัลบาเนน” (Malmbanen) ในสวีเดน (แปลว่า ‘รถไฟแร่เหล็ก’) และ “โอฟอตบาเนน” (Ofotbanen) ในนอร์เวย์ ถือเป็นเป็นเส้นทางรถไฟสายเหนือสุดในโลกอีกด้วย ครอบคลุมเส้นทางที่สวยงามตระการตา ผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน    
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ท่าเรือนาร์วิกกลายเป็นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ในฤดูใบไม้ผลิปี 1940 กองกำลังนอร์เวย์ อังกฤษ ฝรั่งเศสและโปแลนด์จึงต่อสู้กับนาซีเยอรมนีเป็นเวลาสองเดือนใน “การรบครั้งแรกครั้งใหญ่ที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง” 
8 มิถุนายน 1940 เยอรมันยึดเมืองนาร์วิกได้สำเร็จ ซึ่งช่วยให้กองทัพเรือเยอรมันเข้าถึงแอตแลนติกเหนือได้  แต่ฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถยึดเมืองคืนได้ในวันที่ 8 เดือนพฤษภาคม 1940 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของกองกำลังเยอรมันบนบกในสงครามโลกครั้งที่สอง… 
นาร์วิกมีทิวทัศน์อันน่าทึ่งมากมาย  เช่น ธารน้ำแข็ง ‘Frostisen Glacier’ และ ‘โพลาร์พาร์ค’ อันที่อาศัยของสัว์ป่าในแถบอาร์กติก ได้แก่ หมีสีน้ำตาล หมาป่า วูล์ฟเวอรีน และลิงซ์ เช่นเดียวกับสัตว์ป่าอื่นๆ เช่น กวางมูส กวางเรนเดียร์ และวัวมัสค์ 
ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พระอาทิตย์เที่ยงคืนมักจะทำให้ภูมิทัศน์สว่างไสวด้วยสีเหลืองเข้มและเฉดสีแดงส้มที่คล้ายดั่งไฟ หนึ่งในจุดที่ดีที่สุดที่จะชื่นชมภูมิประเทศอันตระการตาคือการขึ้นกระเช้าไปยัง ‘นาร์วิคฟเยลเลน’ (Narvikfjellen) เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองและฟยอร์ดโดยรอบ

จำนวนผู้เข้าชม 47 ครั้ง